Follow Me

Writer & BLOGGER

การเขียนนิยาย (ให้จบ) เบื้องต้น By may112

200



คิดว่าจะเขียน toppic นี้มานานแล้ว เพราะมีนักอ่านมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการเขียนนิยายอยู่เรื่อยๆ แล้วเราก็ต้องมาตอบใหม่ซ้ำๆ อยู่หลายครั้งจนคิดว่า เออ!! เขียนให้อ่านเป็นกิจลักษณะเลยดีกว่า ใครถามมาจะโยนลิงค์นี้ให้ซะเลย  อย่างน้อยคนที่เข้ามาอ่านก็ (อาจจะ) ได้ความรู้ไปบ้าง ส่วนเราเองก็ไม่ต้องอธิบายบ่อยๆ บางทีเราอาจจะอธิบายไม่เคลียร์ ตอนนั้นอาจจะมีเวลาน้อย อาจจะตอบได้ไม่ครอบคลุม แล้วคนถามอาจจะเกรงใจไม่กล้าถามต่อด้วย เราเข้าใจนะว่าเรื่องการเขียนนิยายเนี่ย บางคนเค้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ต้องทำยังไง คิดว่าบล็อกนี่น่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้างนะค้า

แอบขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้เก่งอะไรมากมายนะคะ วิธีการเขียนและคำแนะนำที่อธิบายในนี้เป็นสไตล์การแต่งนิยายวัยรุ่นของเราเอง ไม่ได้เป็นมาตฐานที่ทุกคนต้องเอาตามแบบนะจ้า ขอเรียกว่ามาแชร์วิธีการทำงานของเราละกัน เพราะตัวเราเองก็แต่งนิยายมา 15 ปี (2021) แล้วจ้าาา  ถือว่านี่เป็นอาชีพเลี้ยงปากท้องของเราตั้งแต่เรียนจบเลยละ  เราก็ยังไม่ได้เก่งอะไรมากและยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมากมาย หวังว่าประสบการณ์ที่เรามี จะสามารถแนะนำมือใหม่ทุกคนได้นะคะ ^^

การเขียนนิยาย 1 เรื่อง มี 3 ขั้นตอนใหญ่ (ไม่นับย่อย)

1. วางพล็อต

2. ลงมือแต่ง

3. ตรวจทาน/ส่งให้ สนพ. พิจารณา

ก่อนจะไปสู่เนื้อหา เรามาบริฟความรู้ย่อๆ ว่าต้นฉบับที่ส่ง สนพ. จะได้รับค่าตอบแทนเท่าไหร่ นี่น่าจะเป็นเรื่องที่คนสงสัยกันเยอะมากกกกก

ก่อนอื่นเลย ถ้านิยายของเพื่อนๆ ผ่านการพิจารณา ก็จะได้ตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสืออย่างที่เราเห็นทั่วๆ ไปตามร้านหนังสือ และมีค่าตอบแทน ก็จะแล้วแต่ว่า สนพ. ที่คุณทำสัญญาด้วย จะตกลงกันไว้ที่เท่าไหร่ อย่าง สนพ. แจ่มใส ไม่มีค่าลิขสิทธิ์ให้นะคะ (เป็นเงินที่เราได้เปล่าเลย เรียกว่าค่าสมองของเราก็ว่าได้) แต่แจ่มใสให้ค่าตอบแทนเริ่มต้นที่  10% จาก –ยอดพิมพ์-

-> หมายความว่า สมมุติ สนพ. X พิมพ์นิยายของคุณ 100 เล่ม ราคาเล่มละ 100 บาท

100 เล่ม x 100 บาท (ราคาขาย) = 10,000

10% ที่ให้กับนักเขียน คิดเป็น ค่าลิขสิทธิ์ 1,000 บาทค่ะ

ไม่ว่าหนังสือของคุณจะขายออกมากน้อยแค่ไหน  คุณก็ได้ 1,000 บาทไปตุนในกระเป๋าเลยค่า 

ส่วนใหญ่หนังสือจะเริ่มพิมพ์ที่ 2000-3000 เล่มขึ้นไป (สำหรับ สนพ.ใหญ่ๆ น้า) การคาดประมาณรายได้ ก็จะอยู่ที่จำนวนแล้ว + ราคาขายนั่นเองค่า

-> แต่ถ้า สนพ. O บอกว่าแบ่ง 10% จากยอดขาย
หมายความว่า สนพ. O พิมพ์นิยายของคุณ 100 เล่ม ราคาเล่มละ 100 บาท
แต่ทำยอดขายได้แค่ 5 เล่ม
คุณจะได้ค่าลิขสิทธิ์ 50 บาทเท่านั้น ดูไม่แฟร์เลยเนอะ แถมเรายังเช็กยอดขายจริงๆ ไม่ได้ด้วยนะเออ

เพราะฉะนั้นถ้าให้แนะนำนักเขียนมือใหม่ที่จะส่งต้นฉบับกับสำนักพิมพ์

ให้ดูข้อตกลงที่ ค่าตอบแทนที่อย่างน้อยต้องมากกว่า 10% 
และค่าตอบแทน ควรมาจากยอดพิมพ์ ย้ำอีกครั้งนะคะ ยอดพิมพ์เท่านั้น! 



7 Step การเขียนนิยายให้จบ! มือใหม่ มือเก่าใช้ได้ทั้งหมด!

writer-work

 

 
จากภาพประกอบแบบขำๆ ด้านบน มาไล่เลียงกันดีกว่า 7 ขั้นตอนมีอะไรบ้าง 
 
 
1. เมื่อเริ่มอยากเขียน = เริ่มวางพล็อต
.
 
2. ถ้าไม่วางพล็อตก่อนเขียน คือหลุดออกไป (ลอย) ทะเล เขียนไม่จบสักทีนั่นล่ะ
.
 
3. เมื่อคุณวางพล็อตนิยาย ก็เปรียบเสมือนคุณอยู่ในเส้นทางสู่ความสำเร็จแบบเส้นตรงเลยละ!! 
ส่วนเส้นประ ก็หมายถึงการแวะพักข้างทาง ซึ่งก็มีทั้งผลดีและไม่ดีด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเขียนออกทะเลละก็…. ก็มีสิทธิ์ เขียน-ไม่-จบ จ้า!
.
 
4. หากคุณวางพล็อต + มีวินัยในการเขียน นิยายก็จะเสร็จอย่างแน่นอน!!

    4.1 เพื่อนๆ ไม่จำเป็นต้องทำตามพล็อตเด๊ะๆ ก็ได้นะ ในเคสว่าเรามีไอเดียใหม่ที่ดีกว่าของเดิม  แต่-ต้อง-คิด-ให้-จบ ก่อน-แล้ว-ค่อย-เขียน-นะ!  ที่สำคัญมากเลยคือ อันที่คิดใหม่ ต้อง-เชื่อม-ต่อ-กับ-ของ-เก่า- ได้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นงานของเราอาจจะเหมือนนิยายสองเรื่องรวมร่างกัน จนคนอ่านอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ต่อเนื่องกันนะคะ
.
 
 
5. ไม่ว่าเพื่อนๆ จะผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์หรือไม่ การเป็นนักเขียนที่ดีก็ต้องหมั่นหัดอ่าน หาความรู้อยู่เสมอ ศึกษาวิธีการการเขียนของนักเขียนท่านอื่นๆ ดูวิธีการใช้คำ เทคนิคการบรรยาย ทำอย่างไร / หรือหาวิธีทีให้ตัวเองเก่งขึ้น
.
 
 
6. ออกไปหาแรงบันดาลใจอยู่เสมอ อย่าอยู่แต่บนโลกแคบๆ สังคมเดิมๆ ถ้าเราอยู่แต่เดิมๆ ทำอะไรแบบเดิมๆ งานของเราก็อาจจะย่ำอยู่กับที่ หรือมีแต่แนวเดิมๆ ซ้ำๆ จนอาจจะถูกคอมเม้นท์จากผู้อ่านว่า เขียนแต่แนวนี้อย่างเดียวเลบจนจับทางได้หมดแล้ว ฮืออ~~
.
 
 
7. ภาพหน้าตาหนักอกหนักใจนั้น … เราขออธิบายเป็น 2 ประเด็นคือ

   7.1 การส่งต้นฉบับไปให้ สนพ. นั้น อยากให้เราต้องเตรียมใจไว้  หากงานของได้รับการพิจารณาให้ผ่าน ได้ตีออกมาเป็นรูปเล่ม / ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ^^ /  อย่าคิดว่างานของเราดีสุด สวยสุดดดด แซ่บสุดดด ฮาาาา ให้เตรียมรับกระแสทางลบไว้บ้างเด้อ  เพราะเราไม่สามารถแต่งนิยายออกมาได้ถูกใจทุกคนในโลกนี้ได้เนอะ เหมือนอาหารที่อร่อยเลิศแค่ไหนก็ไม่สามารถถูกปากทุกคนได้ คำชมก็เก็บไว้เป็นกำลังใจ ถูกติก็เก็บไว้เป็นบทเรียนแล้วก็เอาไปปรับปรุงพัฒนาผลงานตัวเองต่อไปนะคะ สู้ๆๆ /นักเขียนทุกคนต้องคำว่าวิจารณ์ทั้งผลบวกและลบเสมอ ห้ามท้อใจไปก่อนน้าทุกคน

 
   7.2 หากส่งต้นฉบับไม่ผ่านไม่ผ่าน แน่นอนว่าเราต้องเสียใจเป็นธรรมดา แต่เมื่อหายเสียใจแล้ว กลับไปที่วิธีที่ 5 นั่นก็คือการศึกษางานคนอื่น อ่านเยอะๆ จะยิ่งทำให้เราพัฒนามากขึ้นค่ะ แล้วถ้าหาก สนพ. ที่เพื่อนๆ ส่งงานไปมีความใส่ใจอย่างแท้จริง นอกจากการบอกผลพิจารณาแล้ว บก. จะช่วยชี้จุดที่ผิดพลาด ซึ่งเราสามารถนำมาปรับปรุง และพัฒนางานของตัวเองให้ดีมากยิ่งขึ้น บางท่านสามารถแก้งานเก่าจนสามารถผ่านการพิจารณาได้ในที่สุด  เพราะฉะนั้นอย่างเพิ่งถอดใจ หรือเลิกทำไปซะก่อน 
 
แล้วยิ่งในยุคนี้มีแพลตฟอร์มเกี่ยวกับนิยายออกมาเยอะมาก เราสามารถนำผลงานไปลงได้เอง ทำขายเอง ตีพิมพ์เอง โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับ สนพ. เสมอไปแล้วด้วยค่า ^^ เพราะสุดท้ายการพิจารณาต้นฉบับใดๆ สนพ. ก็ต้องคำนึงหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นแนวเรื่อง การตลาด การปั้นนักเขียนใหม่ๆ สักคนก็มีความเสี่ยงมากมาย การที่ต้นฉบับของเราไม่ผ่าน อาจจะไม่ได้หมายความงานของเราไม่สนุกก็ได้ 
 
ขอแค่ยังมีความพยายาม และที่สำคัญที่สุดคือต้องเขียนนิยายให้จบ!! หนทางในการเป็นนักเขียน กระทั่งหารายได้จากงานที่เรารัก ก็ยังมีอยู่ค่า ^^
 
 

 



ว่าด้วยเรื่องพล็อต

การวางพล็อต/ อะไรคือพล็อต/ อะไรคือทรีตเม้นท์/วางพล็อตไปทำไม/วางยังไง/ โครงเรื่องคืออะไร

161
icon_kuma_mini5

Plot คืออะไรหรอ ?

เนื้อ เรื่อง/โครงเรื่อง นิยายของเรานั่นล่ะค่ะ สิ่งที่เราคิดจะเขียน สิ่งที่เราคิดจะพิมพ์ถ่ายทอดออกไปให้นักอ่านได้รับรู้ว่ามันสนุกเลิศเลอเพียงใด สิ่งนี้แหละคือพล็อตของเรา

icon_kuma_mini5

วาง Plot ไปทำไม??

จะได้ไม่ลืมไงคะว่าคุณจะเขียนอะไร / เรื่องแบบไหน / เกี่ยวกับอะไร ป้องกันการออกทะเล ป้องกันการลืมเนื้อเรื่อง 

icon_kuma_mini5 ไม่ลืมหรอก / ไม่จริง!

icon_kuma_mini5

ไม่เขียนได้มั้ย?

ได้…. แต่มีโอกาสที่จะลืมว่าจะตัวเองเขียนอะไร/เขียนถึงไหน/ลืมปม/ลืมพล็อต ลืม ลืม ลืม ลืม หมดแล้วก็เขียนไม่จบนั่นเองค่ะ พยายามอย่าด้นสดเลยถ้าเป็นไปได้

icon_kuma_mini5

แล้วเขียนยังไงเหรอคะ??

00

มาาาา!!! ขอเชิญชมตัวอย่างแบบสั้นๆ ค่ะ

ไม่ใช่จาก chapter 3 แล้วข้ามไป 16 เลยนะ เผื่อบางคนจะเข้าใจผิดซะงั้น นี่เอามาลงแบบย่อๆ เฉยๆจ้า  ของจริงคือเขียนทุก chapter ไปจนกว่าจะจบเลยจ้า

plot-work
 
 
 
 
 
 
ชื่อเรื่อง AUS-BOY (เขียนจบค่อยคิดก็ได้ ไม่ต้องรีบ )
แนว เขียนเพื่อให้รู้ว่าตัวเองแต่งเรื่องแนวไหน ตลก จะได้เขียนฮาๆ แต่ถ้าเศร้าก็จะได้พยายามดึงเรื่องให้มันหม่นๆ
จุดสำคัญ  ประเด็นที่เราอยากเขียน เหมือนแว่บแรกที่เราคิดพล็อตออก เราอยากให้เรื่องนี้มันเป็นยังไง / มีอะไร / เช่นในตัวอย่างเรื่องนี้ อยากให้นางเอกกับพระเขียนโปสการ์ดหากันมาก่อน เราก็โน๊ตตรงนี้ทิ้งไว้ เราจะได้ไม่ลืมว่าต้องใส่จุดนี้ลงไปด้วยนะ และอย่าลืมพูดถึงมันในเรื่องด้วย / หรือเขียนต้นกำเนิดแรงบันดาลมาจากไหนก็ได้ ทุกครั้งที่เห็นบรรทัดนี้ เราจะได้นึกขึ้นได้ว่า อ้อ! เราแต่งมาเป็นร้อยๆ หน้าเพื่อสิ่งนี้ล่ะ! 
   
Chapter 1 (ตอนที่ 1 ) การวางพล็อตซอยลงเป็นตอนๆ แบบนี้ เพื่อช่วยให้เราเรียงลำดับเหตุการณ์ของเรื่องได้ง่ายขึ้น อย่างบทแรกๆ ก็ต้องปูพื้นให้คนอ่านเข้าใจก่อน เป็นต้น
Chapter 2 ค่อยๆ วางเรื่องไปเรื่อยๆ ตัวละครในหนังสือไม่ใช่มีแค่ตัวสองตัว ก็ค่อยๆ ให้ออกมาโผล่ แต่อย่าลืมว่าตัวละครทุกตัวที่ออกมาเนี่ย มีบทมาก = แปลว่าสำคัญมาก ถ้าเขียนออกมาเพื่อจะพูดคำเดียวก็ไม่ต้องให้ความสำคัญ อธิบายเป็นวรรคเป็นเวร ไม่งั้นมันก็จะเยอะแยะแสนแปดไปหมด ตัวสำคัญๆ ก็เอาออกมาให้บ่อย หรือถ้ากลัวมันเยอะไปก็ให้วางลักษณะเด่นของตัวนั้นออกมาเลย เช่น เกลียดนางเอกมาก
Chapter 3 เจอพระเอกที่โรงเรียน เป็นรุ่นพี่ / เครียด  เมื่อเขียนเสร็จก็ฆ่าทิ้งไปทีละตอนๆ แบบนี้ เวลามาเปิดเช็คดู จะได้รู้ว่าเขียนไปถึงตรงไหน เหลืออีกเท่าไหร่ ยิ่งขีดใกล้หมดก็ยิ่งมีกำลังใจ
Chapter 16

ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า เราต้องมีคำตอบทุกครั้งที่คนถามว่า ‘ใส่ฉากนี้มาทำไม’อย่าง ในตอนที่ 16 ตอนจบใส่ฉากเต้นรำ เพื่อจะให้เป็นฉากที่แสดงถึงความสุข พระนางรักกันแล้ว แต่ถ้าเราให้เหตุผลไม่ได้ ไม่รู้ แค่อยากให้มีงานเต้นรำ ไม่รู้จะเขียนอะไร ยังงี้เป็นต้น งั้นก็ลบฉากนี้ทิ้งไปเลย เพราะสิ่งนี้เรียกว่า ‘น้ำ’ ค่ะ 

*แต่ถ้าเขียนฉากนี้ขึ้นมา เพื่อให้เห็นความน่ารัก+หวานของพระนาง ให้พวกเขาผูกพันธ์กัน แบบนี้โอเคนะคะ ไม่ต้องมีเหตุผลมารองรับทุกบทเสมอไป แต่ถ้าเราเขียนบทน่ารักติดกัน 10 ฉาก จะหวานอย่างเดียว… นักอ่านอาจจะรู้สึกว่ามันเลี่ยนเกินไป หรือหวานจนแบบไม่มีสาระอันใดเลย

*ระวังเขียนวนอยู่ซ้ำที่เดิม บางทีเขียนฉากที่อยากให้รู้ว่าตัวละครกำลังอินเลิฟ/หรือเศร้า เช่น นางเอกอกหัก พอได้ยินใครพูดอะไรตำใจ แล้วก็ร้องไห้ ฉากต่อไป ได้ยินอะไรแทงใจ ร้องไห้อีก ร้องมันอยู่นั่นละ เมื่อไหร่จะจบนี่ บางทีเราอาจจะต้องกำหนดว่าบทนี้จะเศร้า ก็เศร้าไปให้สุด บทต่อไปอาจจะยังมีน้ำตา แต่จะไม่ฟูมฟาย 5 หน้าอีกแล้ว เพื่อให้เรื่องได้เดินหน้าต่อ ไม่ยืดเยื้อ

ไม่ต้องใส่บทสนทนาลงในนี้ก็ได้นะคะ  เพราะเวลาไปเขียนจริงๆ สุดท้ายก็จะไม่พิมพ์ตามที่เขียนเอาไว้หรอก (ไม่เชื่อลองดู5555) แต่ถ้าตอนกำลังวางพล็อต ช่วงนั้นสมองเราจะไหลเว่อร์ประโยคนี่มันแจ่มมากแล้วก็เด้งขึ้นมาในหัว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ให้โน้ตเอาไว้ (นี่ไง เค้าถึงให้วางพล็อต คิดอะไรก็จดไว้จะได้ไม่ลืม)
วางพล็อต อย่าลืมคำนึงถึงความเป็นไปได้/ความต่อเนื่อง / แต่ถ้าค่อยๆ นั่งทำไปตั้งแต่ต้นจนจบ ก็จะไม่มีปัญหาประมาณว่า ตัวนี้ตายไปแล้วทำไมมาโผล่ตอนจบได้ แน่นอน 555+  อีกอย่างใครกลัวว่าจะสับสน เรียงไม่ถูกอะไรมาก่อนมาหลัง เมเชื่อว่าพอเขียนออกมาแบบนี้ เราจะรู้ได้อัตโนมัติว่าอันไหนมาก่อน เพราะเหตุมันต้องมาก่อนผลเสมอ ร่างพล็อตก็เหมือนนับ 1 ถึง 10 ในนาทีที่คุณไม่เรียงตามลำดับ คุณจะรู้สึกได้ทันทีเลยล่ะ

 

 

นี่เป็นตัวอย่างแบบคร่าวๆ ถ้าคุณทำบ่อยๆ ก็จะเก่งขึ้นมากเรื่อยๆ จะลำดับเรื่องเก่งขึ้น วางพล็อตให้ซับซ้อนได้อีก

เพราะฉะนั้นการวางพล็อตก่อนเขียนนิยายจึงสำคัญมากกกกกกกกกกกก!!! 


อ๊ะ! เพื่อนๆ ไม่ต้องทำกรอบ ตีตารางอะไรแบบในตัวอย่างก็ได้นะคะ ที่เมทำมาเนี่ย เพื่อจะได้เพื่อนๆ ได้ดูแล้วก็เข้าใจง่ายๆ แค่นั้นละจ้า (แต่ถ้าใครชอบแบบนี้ เพราะมันก็อ่านง่ายดี แลดูเป็นระเบียบ ก็เชิญตามสะดวกค่า)

อย่างสมุดพล็อตที่เมใช้เขียนเนี่ย ชื่อพระนางแทบไม่เขียนเลยค่ะ บางทีก็จะใช้ตัวย่อชื่อเล่นไปเลย D บ้าง M บ้างอะไรก็ว่าไป ไว้จะ edit มาให้ดูคราวหลังละกันว่าเละแค่ไหน 5555 

icon_kuma_mini5

ทรีตเมนต์คืออะไรเหรอ

มันก็คือชื่อเรียก การวาง/เขียนพล็อตแบบละเอียดอีกอย่างหนึ่ง อยากเรียกแบบนั้นก็ได้จ้า เก๋ๆ 55555  มีอีกคำหนึ่งที่เมืองนอกนิยมใช้คือ เอาท์ไลน์ (Out line)  แต่อย่างเมก็จะใช้คำว่าวางพล็อตนิยายแค่นี้แหละ ง่ายดี ทุกคนเข้าใจ โลกเข้าใจ ฮาาาา เพราะว่าเท่าที่เคยเห็นทรีตเมนต์ของจริงมา มันจะละเอียดมาก ต้องลงฉาก/สถานที่ / ข้างนอกหรือข้างใน/ กลางวันหรือกลางคืน/ อะไรประมานนี้ ซึ่งสำหรับเมรู้สึกว่าทรีตเม้นท์ของจริงมันละเอียดเกินไปปป  อันนั้นเหมาะสำหรับเอาไว้ในงานถ่ายภาพยนต์ บทละครประมาณนี้น่าจะเวิร์คกว่าค่ะ  แต่ใครจะเรียกทรีตเม้นท์ก็ไม่ผิดเช่นกัน อยากเรียกอะไรเรียกเลย ขอแค่ให้ทำสิ่งที่เรียกว่าวางพล็อตก่อนเขียนก็พอค่า 

ตัวอย่าง : ทรีตเมนต์ของหนังเรื่องเรื่องหนึ่งที่เมได้มีโอกาสเห็นของจริงมาค่ะ อันนี้ยกแบบฉากมาส่วนสั้นๆ นะคะ บางฉากก็จะละเอียดมากๆ เขาจะเรียงฉากตั้งแต่ 1-100 ถ้าอันไหนมีตัดฉากไปตรงไหน เค้าก็เขียนโน๊ตไว้แยกอีก จะเห็นว่ามันละเอียดลงลึกตั้งแต่ฉากในร่มนอกร่ม / สถานที่ / เวลา  อะไรแบบนี้เลยใช่มั้ย แต่ใครอยากจะทำถึงขั้นนี้ก็ได้นะ รับรองว่านิยายไม่หลุด ไม่โป๊ะแน่ๆ เพราะมันละเอียดสุดๆๆๆ  ซึ่งในงานเขียนของเรา อาจจะไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ เพราะเราเขียนเอง ทำงานคนเดียว เรารู้อยู่เวลาฉากไหนเป็นยังไง กลางวันกลางคืน เป็นต้น 

treatment









icon_kuma_mini5

เขียนพล็อตเสร็จแล้วทำอะไรต่อคะ

ต้องเสร็จจริงๆ นะ ไม่เสร็จห้ามแต่งเด็ดขาด (ย้อนขึ้นไปอ่าน 7 Step ข้างบน และจะเป็นอย่างข้อที่ 2 ) ในเมื่อเราได้พล็อตแล้วก็เริ่มเขียนเลยค่ะ ส่วนตรงนี้เมอาจจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้แล้ว อันนี้ต้องเป็นความสามารถ กำลังภายในของเพื่อนๆ แต่ละคนแล้วละ!! เพราะนิยายหนึ่งเรื่อง นอกจากพล็อตล้ำๆ แจ่มๆ แล้ว ยังขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่อง การบรรยายด้วยนะคะ  (ลองอ่านหัวข้อว่าด้วยการเขียนนิยายดูจ้า หรือย้อนขึ้นไปดู step ที่ 4 ด้านบน) ซึ่งเป็นความสามารถส่วนบุคคลแล้วละ แต่….ค่ะแต่!! สิ่งเหล่านี้ไม่ต้องให้ฟ้าประทานมาให้ เราฝึกฝนได้เองจ้า คนที่เขียนบ่อยๆ อ่านเยอะๆ ก็จะมีความสามารถมากกว่ามือใหม่ๆ ที่ยังเขียนน้อย หรืออ่านน้อยกว่า แต่เราก็สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ใช่มั้ย

  การเขียนนิยายไม่มีทางลัดแบบเก่งขึ้นในวันแรก แต่เกิดจากหมั่นเขียน หมั่นอ่านอย่างสม่ำเสมอน้า 

แต่อย่างน้อยๆ แม้ว่าจะยังเขียนไม่เก่ง แต่เรามีพล็อตที่เลิศเลอแล้ว เก่งเมื่อไหร่ บรรยายคล่องตอนไหนก็มาลงมือทำก็ยังไม่สาย แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมพล็อต ลืมคีย์สำคัญใดๆ  แค่เปิดพล็อตที่เราเขียนเอาไว้ หนทางการเขียนนิยายจบ และได้เป็นนักเขียนก็รออยู่ตรงหน้าแล้วจ้า~

01
- คิดว่ามาถึงตรงนี้น่าจะเข้าใจแล้วว่ามันคืออีหยังใช่มั้ยละ
ประโยชน์ของการวางโครงเรื่อง เขียนพล็อตไว้คร่าวๆ แล้ว
เราจะได้เห็นภาพรวมของเรื่องยังไง เขียนแบบไหน/อารมณ์ไหน/ประมาณกี่ตอน
03

 


วางพล็อตเท่านั้น พล็อตสำคัญจริงๆ นะเห็นมั้ย
ไม่ตัน และต่อเรื่องทั้งหมดติดแน่นอน!
04




กรณีวางพล็อตแล้วก็ต้องเขียนทิ้งไว้ด้วย ไม่งั้นก็ลืมใช่มั้ยละ อย่าคิดว่าแต่งสดๆ ไปเลย ถึงไหนกันยู้ฮูวววว
เพราะเรื่องมันอาจจะไปคนละทางกับที่เราเคยคิดเอาไว้ก็ได้นะ (ถ้าไม่เป็นแบบนั้นก็โชคดีไป แต่ถ้าเป็นก็หมายถึงอาจจะต้องรื้อเขียนใหม่หมดเลยนะ แงงง) 

 

จำเอาไว้ว่าเขียนนิยายแบบไม่มีพล็อต เขียนสดๆ คิดอะไรก็เขียน มีโอกาสที่เรื่องจะออกไปกาแล๊คซี่สูงมากมาก โดยเฉพาะมือใหม่ๆ ที่ 5 วันมาเขียนทีหนึ่ง 6 วันกลับมาเขียนใหม่ อะไรแบบนี้เพราะลืมหมดแล้วว่าเขียนอะไรไปจ้า วางพล็อตก่อนเขียนนะ สำคัญจริงๆ!


 

ว่าด้วยเรื่อง วิธีการเขียนนิยาย

เขียนนิยายให้สนุก/ ราบรื่น /เขียนยังไงให้จบ
205

ในส่วนของพาร์ทนี้…. เรียกว่าอยู่ที่กำลังภายในของแต่ละคนแล้วล่ะค่ะ ว่ามีมากน้อยเท่าไหร่ เก็บเกี่ยวมาเยอะแค่ไหน เขียนมันอยู่ทุกวัน อ่านมันอยู่ทุกคืน ก็เก่งมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง กว่าที่เมจะเขียนได้แบบทุกวันนี้ก็ต้องใช้เวลาถึง 7 ปีในการฝึกฝน และอีก 8 ปีในการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ 5555555 สรุปคือไม่เคยหยุดเลยจ้า 15 ปีผ่านมาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้เก่งสักเท่าไหร่  อาศัยโชคดีที่เขียนเป็นประจำอยู่แล้ว สกิลเลยไม่ได้ถึงขั้นร้างรา ได้เขียนทุกวัน ทุกอย่างเลยได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ (อย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อ 15 ปีที่แล้วละฟะ แงงง)

เมว่าส่วนตรงนี้ สามารถวัดได้เลยว่า ใครมีใจรักในการเขียน / ใครอยากเป็นนักเขียนจริงๆ บ้าง
เพราะมันต้องอดทนแล้วก็หมั่นฝึกฝนอยู่เรื่อยๆ ต้องใช้เวลาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วัน ละหลายๆ ชั่วโมง นั่งพิมพ์บ้าอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ไม่ได้เล่นเฟซบุ้คหรือเกมเหมือนคนอื่น สมัยตอนอยู่มหาลัย ตกดึกเพื่อนเมนัดกันไปตื๊ด แต่เม…เพื่อจะให้มีต้นฉบับส่งออกทันงานหนังสือ อยู่หอทำนิยายจ้า แงงง (ย้อนกลับไปคิดก็รู้สึกว่าเสียดายโอกาสใช้ชีวิตวัยรุ่นให้มันส์สุดเหวี่ยงแฮะ)

แต่สิ่งที่อยากจะบอกก็คือออ ไม่ว่าจะเป็นนักวาด นักดนตรี นักกีฬา ไม่มีใครบ้างเก่งมาจากท้องพ่อท้องแม่เลยนะคะ นักเขียนก็เช่นกัน ถ้าไม่เคยอ่าน ไม่เคยเขียน ก็ไม่มีวันเก่งหรอกจริงมั้ย??
ถ้าคุณรักที่จะเป็นนักเขียน คุณก็ต้องอดทนแล้วก็มุ่งมั่นต่อไป อย่าถอยยยย


ด้านล่างต่อไปนี้จะเป็นการตอบคำถามที่หลายๆ คนสงสัยนะคะ
แต่ถ้ามีตรงไหนยังไม่เคลียร์ ก็ฝากคำถามทิ้งไว้ได้นะ

06




  • ตอบส่วนคำถามแรกนะจ้า อืม… ตอบยากนะเนี่ย แต่ให้เริ่มจากเขียนพล็อตที่ตัวของเราเองก็ยังรู้สึกว่ามันสนุก/แปลก ไม่เหมือนใครอะไรประมาณนี้ก่อน เอาแค่แต่งแล้วรู้สึกสนุกกับมันก็พอแล้ว ส่วนที่เหลือที่ถามมา เราต้องวางพล็อตก่อน ทีนี้ก็ผูกเข้าไปเลย ร้อยแปดพันปม เพราะเวลาวางพล็อตมันคิดมาจนจบอยู่แล้ว ไม่มีทางลืมปมแน่นอน
07


  • อ่านเยอะๆ ค่ะ อ่านหนังสือที่เราชอบ หนังสือเรียนก็ได้/นิยายก็ดี ที่ดำเนินเรื่องแบบสรรพนามบุรุษที่ 3 (บุรุษที่ 3 ก็คือ….ตัวอย่างเช่น เขาเดินมาหยิบปากกาที่ตกอยู่ใต้ตก พลันเหลือบเห็นยางลบตกอยู่) อ่านบ่อยๆ อ่านเยอะๆ แล้วก็ดูวิธีการใช้คำจ้า
08




  • พวกเชื่อมนิยายหลายๆ เล่มเข้าด้วยกัน เวลาเขียนให้จินตนาการว่านี้คือโลกๆ หนึ่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เวลาเขียนขออย่างเดียวอย่าไปฟิกซ์ หรือมีมีข้อจำกัดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น พยายามเขียนให้กว้างๆ เข้าไว้ ไม่ต้องลงรายละเอียดที่เรายังไม่รู้แน่ชัด (ไม่งั้นมันจะเป็นการมัดตัวเอง)

09


  

  • อ่านหนังสือเยอะๆ ค่ะ ดูวิธีการใช้คำว่านักเขียนคนอื่นๆ เขาใช้ว่าอย่างไรจ้า
10


110137802

เวลาบรรยาย ให้คิดเหมือนว่าตัวเองกำลังเล่าให้คนอื่นฟังอยู่ มีเวลาจำกัด และไม่อยากให้เขาเบื่อหรือเลิกสนใจ เราจะเล่าให้เขาฟังว่ายังไงบ้าง ที่แน่ๆ เราจะไม่พูดยืดยาวซ้ำไปซ้ำมาในเนื้อหาเดิมๆ ถ้าคนเข้าใจกันอยู่แล้วใช่มั้ย การเล่าเรื่องก็เช่นกันจ้า

ส่วนเวลาไหนที่ควรบรรยายหนักๆ เลย น่าจะเป็นฉากที่ต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะได้ไปขยายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป (แล้วเราก็ไม่ต้องมาบรรยายซ้ำอีกรอบแล้ว) แล้วก็พวกความรู้สึกนึกคิด อย่างที่พี่บอก คิดว่าเหมือนกำลังพูดกับใครสักคน เราจะเลือกบอกประมาณไหนไม่ให้น้อยหรือเยอะไป

11


110137802

ตัดใจเลือกให้แต่ละคนเด่นคนละแบบ คนนี้น่ารัก คนนั้นหน้าหวาน คนนี้หน้าเข้ม ปากจัด ก็เป็นวิธีที่ง่ายดีน้า

12


110137802

คิดว่าตัวเองเป็นนางเอก คิดว่าตัวเองคือคนถูกกระทำ พอบรรยายก็เอาเต็มที่เลยค่า อินเนอร์มาแล้ว 555

13


110137802

อ่านเยอะๆ บางทีเจอคำอะไร หรือรูปประโยคสวยๆ ก็โน๊ตเก็บไว้ อ่านบ่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งนะ


14



110137802

การทำให้เรื่องน่าติดตามเนี่ย ตัวใครตัวมันค่ะลูกขาาา แง ขนาดพี่เขียนเองพี่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเขียนมันน่าติดตามหรือเปล่า 555+ เราจึงต้องมี บก. เพื่อการนี้นั้นเอง ฮาาาาา ส่วนเขียนบุคคลิกยังไงให้แตกต่างกัน…. ง่ายมากๆ คือเราวางพล็อตก่อนแล้วพยายามคุมโทนของเรื่องเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่พวกเราจะชอบเขียนนางเอกร่าเริง เฮฮาใช่มั้ย เพราะว่าใกล้เคียงกับตัวเราและเขียนง่ายที่สุด พอต้องมาเขียนนางเอกเงียบๆ ขรึมๆ แล้วมักจะไม่ชิน ให้พยายามอ่านพล็อตที่ตัวเองร่างเสร็จไว้บ่อยๆ เหมือนกล่อมตัวเองไปเลย 55+ บางทีพี่ก็เขียนโน้ตแปะไว้ที่ข้างจอเลยว่า

นางเอกเงียบๆ นิ่งๆ !!

เหลือบเห็นทีไรก็พยามดึงมันเข้ามาอยู่ในบุคคลิกที่เราคิดไว้จ้า 55





 

ว่าด้วยเรื่อง แรงบันดาลใจ ในการแต่งนิยาย

เอาตัวละครมากจากไหน/เหตุการณ์/ฉาก
219




นี่อีกพาร์ทที่ผู้ที่ฝึกปรือมานานจะได้เปรียบน้องใหม่ค่ะ เข้าใจว่าบางทีอยากเขียนนิยาย แต่บางครั้งก็ไม่รู้จะเขียนอะไรดี จะเขียนอะไรก็มีคนเขียนไปแล้ว บลาๆๆ อะไรประมาณนี้เนอะ งั้นในพาร์ทนี้ มาแบ่งวิธีการหาแรงบันดาลใจของเมนะคะ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะใช้ได้ผลมั้ย เพราะแต่ละคนก็มีวิธีการที่แตกต่างกันไป แต่อันนี้คือที่เมใช้เป็นประจำจ้า

icon-ya-chuui

เรื่องรอบตัว
สำคัญมาก!!! เวลาเดินกลับบ้าน เวลาเดินผ่านร้านรวงตั่งๆ อย่าคิดว่ามันก็เหมือนๆ เดิมไปทุกวัน เป็นนักเขียนทั้งที จินตนาการเข้าไปค่ะ ลองปรับมุมมองตัวเองด้วย ฝึกคิดอะไรให้แปลกไป เช่น เวลาขึ้นรถไฟฟ้า ลองคิดว่า… ถ้ารถหยุดวิ่งแล้วทุกคนติดอยู่ในรถไฟฟ้าจะเป็นยังไงน้า มีใครหล่อบ้างหรือเปล่า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นดีนะ เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวก่อนเลย ไม่ต้องมองหาอะไรไกลๆ ไปเรียนที่มหาลัย เจอใครหล่อ เจอใครสวยก็จับมาจิ้นเข้าไปสิ สนุกจะตาย 5555

icon-ya-chuui

ความอยาก WANT-NEED
อยากมีนั้น อยากมีนี่….  แต่ชีวิตนี้คงไม่มีทางได้ เก็บมาเป็นแรงขับเคลื่อนไปเลยจ้า (ยิ่งกว่าแรงบันดาลใจไปอี้กกก 55555) โลกความจริงมันเป็นไปไม่ได้ แต่ในโลกที่เราเป็นคนสร้างด้วยปลายปากกา ทำได้ทุกอย่างนะค้าาา

icon-ya-chuui

อ่านหนังสือ
ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งบันเทิงตัวเอง ทั้งพัฒนาการเขียนไปด้วย เพราะเราจะรู้จักการใช้คำ ใช้กริยามาบรรยายเป็นสำนวนใหม่ๆ ของเราเอง อ่านมากก็พัฒนามากขึ้นค่ะ

icon-ya-chuui

ดูหนัง
สุดๆ กันไปเลยยยยยยย ทั้งเพลินทั้งได้แรงบันดาลใจเว่อร์ 555555 ฉากที่อลังการทั้งหลายนั่นมันชวนให้เราคิดต่อยอด อาจจะจุดประกายอะไรบางอย่างขึ้นมาก็ได้ เราก็คิดให้มันฉีกออกมาในรูปแบบของเราเองได้นะเออ เช่นตอนจบของเรื่องนั้นไม่โอเค เราสร้างของเรา แล้วก็เอาตอนจบแบบที่เราชอบมาใช้ก็ได้น้า

icon-ya-chuui

เล่นเกม
แนะนำเกมออนไลน์ มีอะไรน่าเหลือเชื่อเยอะ ไม่ได้เกิดขึ้นจริงบนโลก แต่เกมออนไลน์มันมักจะมีอะไรแปลกๆ มันให้เราอึ้งเยอะมาก อย่างในยุคของเม ฮิตเล่นเกม Ragnarok กันจ้า 55555 มีคนจีบกัน มาเจอกันในชีวิตจริง แต่งงานเป็นเรื่องราวเยอะแยะไป แล้วยุคนี้เกมสนุกๆ เพียบ แล้วก็มีนิยายเกี่ยวกับเกม /e-sports เยอะมากมายยยย เป็นยุคที่รองรับทุกจินตนาการเลย อย่ารอช้า…คิดพล็อตแล้วลงมือเขียนเลยนะ!

icon-ya-chuui

ฟังเพลง
ถ้าให้ได้ผลที่สุดคืออ่านเนื้อเพลงไปด้วย สำคัญมากนะ! การอ่านเนื้อร้องเนี่ย โดยเฉพาะเพลงสากลที่เนื้อหาแซ่บสะท้านทรวง 555555 ขอแนะนำให้เริ่มให้ฟังตอนนี้เยย แล้วก็จินตนาการเป็นฉากๆ ตามเพลงไปเลยจ้า

icon-ya-chuui

  ท่องเที่ยว
เมได้อะไรจากการเที่ยวเยอะมากค่ะ ออกเซ็ทพระเอกนานาชาติมาได้ก็เพราะการชอบเที่ยวเลย 5555 การที่เราออกไปเห็นโลกใบใหม่ ออกไปเจอสังคมที่แตกต่าง มันคือที่สุดของที่สุดจริงๆ ในความรู้สึกของเม   อย่างน้อยการออกไปเที่ยว (ใน/นอกประเทศ) ทำให้เมมีวัตถุดิบในการเขียนมากขึ้น คือนิยายของเมสามารถอยู่ในโลเกชั้นอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเทศไทย และไม่ใช่แค่ในห้องเรียน ในกรุงเทพ บลๆๆ นอกจากเราจะสนุกที่ได้เขียน คนอ่านก็สนุกที่จะได้รู้อะไรใหม่ๆ ที่เราไปเจอมาด้วยนะคะ

ทั้งนี้แรงบันดาลใจมันคั้นด้วยเส้นบางๆ กับคำว่าลอก นะคะ
เพราะฉะนั้นอย่าให้แรงบันดาลใจนั้นมีอิทธิพลต่อเรามากเกินไป
อย่าลืมความเป็นตัวของตัวเองเชียวนะ

15

110137802

วางพล็อตและ ทำกิจกรรมหลากหลายขึ้น ลองดูนะคะ ^^




 

ว่าด้วยเรื่อง ทั่วๆ ไปที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการเขียนนิยาย

ตั้งค่ากระดาษเท่าไหร่/ บริฟตัวละครคืออะไร / เรื่องย่อ

159

16


110137802

สำหรับนักเขียนหน้าเก่าที่เคยตีพิมพ์หนังสือแล้ว… ส่วนของบริฟตัวละครเนี่ย น่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี (โดยเฉพาะนักเขียนแจ่มใสที่ต้องทำทุกคน/ทุกเล่ม) บริฟตัวละครคือ การจับจุดเด่นๆ ของตัวละครที่เราเขียนในเล่ม ไม่ว่าจะเป็นพระเอก นางเอก ตัวประกอบสำคัญๆ ทั้งหมด เราจะดึงพวกบุคคลิก หน้าตา (เอกลักษณ์เด่นๆ) นิสัยใจคอ ใครจะลงลึกถึงส่วนสูง ยันเสื้อผ้าก็แล้วแต่จะขยันสรรค์สร้างเลยค่า

บริฟตัวละคร ทำเพื่อให้นักวาดสามารถวาดได้ตรงกับที่นักเขียนจินตนาการเอาไว้ในนิยายนั่นเองค่ะ ลองคิดดูว่าเขียนพระเอกหัวแดง แต่นักวาดลงสีหัวฟ้ามาเลย คนอ่านก็งงป่ะ ว่าบนหน้าปกมันคือใครหว่า?? พวกทรีตเม้นท์ พล็อต ก็ตามที่อธิบายมาด้านบนเลยจ้า

ส่วนเรื่องย่อ ก็คือย่อนิยายที่เขียนมาทั้งหมด ใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ เรื่องราวเป็นยังไง โดยไม่มีการกั๊กเอาไว้ว่าตอนจบเป็นยังไง ง่ายๆ ก็คืออ่านเรื่องย่อแล้วเข้าใจทั้งเรื่องไปเลยนั่นล่ะจ้า สปอยล์มันทั้งเรื่องไปโล้ดดด เรื่องย่อที่นักเขียนทำเนี่ย ส่วนใหญ่เพื่อให้นักวาดได้อ่านดูคร่าวๆ จะได้รู้ว่าเขาวาดหนังสือแนวไหน เช่น สงคราม/ความรัก/ผีสาง บรรยากาศของภาพจะได้ตรงกับแนวหนังสือ รวมถึงเป็นโอกาสในการใช้ส่งไปให้ผู้จัดค่ายละครต่างๆ ได้ลองอ่านดู ถ้าสนใจก็ว่ากันต่ออีกที

17

ตัวอย่างการเซ็ทหน้ากระดาษค่า

pagesetup

แต่ละ Chapter ควรมีความยาวมากน้อยแค่ไหนนั้น??

แล้วแต่ตามสมควร มีตั้งแต่ย่อหน้าเดียว ไปจนถึง 10 กว่าหน้า +++
สิ่งสำคัญก็คือ อยากให้ดูความเหมาะสมมากกว่า เหากฉากนั้นกำลังเข้มข้น ตัดแล้วมันสะดุด แล้วจะไปตัดมันทำไมล่ะเนอะ


ส่วนใหญ่เริ่ม Chapter ใหม่เพื่อขึ้นฉาก/สถานที่ใหม่ / ตัวละครเข้ามาแทรก เบี่ยงประเด็นออกไป เป็นต้นจ้า






18




110137802

อุปสรรค เดียวของพี่คือ ความขี้เกียจค่ะ 5555+  ส่วนใหญ่พี่จะไม่เจอปัญหาคิดพล็อตไม่ออก ตัน แล้วเขียนต่อไม่ได้เพราะพี่จะต้องคิดให้จบก่อนแล้วค่อยเขียน ไม่งั้นพี่กลัวว่าที่แต่งมาแล้วมันจะใช้ไม่ได้เลย (เสียเวลานั่งทำมาตั้งนานว่าปะ) เพราะฉะนั้นต้องคิดก่อนเขียนค่ะ  / แต่บางทีก็มีตันเหมือนกันนะ เพราะออกหนังสือมาเยอะแล้วแฮะ :<

19

 


110137802

เขียนอย่างเป็นขั้นตอนจ้า เวลาเรานั่งไล่เขียนตั้งแต่ต้นเนี่ย เราจะเห็นพัฒนา เห็นลำดับไปจนกระทั่งถึงตอนจบ พี่ก็ไม่เห็นว่ามันจะออกทะเลไปได้อย่างไร ใน

เมื่อเราแต่งตามที่เราคิดไว้นั่นเอง 555+

 


ทริกแนะนำพิเศษ

ขี้เกียจ/ไม่อิน/เบื่อ/เซ็ง
183



พาร์ทนี้ขอแนะนำทริกส่วนตัวที่ทำให้เมเขียนนิยายมาได้จนถึงปัจจุบันนี้นะจ้า

20
110137802

อันเรื่องพล็อตนั้น สอนเขียนแล้วน้า แต่จะมาตอบที่ถามว่าเขียนพล็อตตลอดมั้ย

ใช่แล้วววว เขียนตลอดทุกครั้งเลยค่ะ ถึงจะมีเรื่องอยู่ในหัวแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ แต่พี่เองก็มีปัญหาในการจัดระเบียบมันเหมือนกัน บางทีก็คิดได้หลายๆ สถานการณ์ แต่ไม่รู้ว่าอันไหนควรเขียนก่อน อันไหนควรเขียนหลัง การวางพล็อตช่วยได้เยอะมาก อย่างน้อยๆ ก็ช่วยรวบรวมความคิดที่กระจัดกระจายอยู่เข้ามารวมกัน ทำให้ขณะแต่งอยู่รู้ด้วยว่าตัวเองเขียนไปได้ถึงไหนแล้ว สำหรับเม… วางพล็อตสำคัญมากๆ ค่ะ

21

 

110137802

บอกตามตรงเลยน้า ทุกครั้งที่พี่เขียน พี่จะไม่คิดว่าตัวเองเป็นแค่คนเล่าสถานการณ์หรือเหตุการณ์นั้นๆ อยู่ เพราะพี่เขียนนิยายด้วยการดำเนินเรื่องแบบสรรพนามบุรุษที่ 1 ( ตัวอย่าง ฉันไปเจอเขาที่เดอะมอล์มา หล่อมาก อยากขอเบอร์เขาจังเลย คือแบบนี้จ้า) เพราะฉะนั้นจะคิดว่าตัวเองเป็นคนคนนั้นเลยแหล่ะ หรือก็คือตัวเองเป็นนางเอกนั่นล่ะ 555555+ เจ็บแค้นเคืองโกรธ อะไรใดๆ ก็นั่งทำอารมณ์ว่าเรานั่นละโดนกระทำซะเอง คิดอะไรก็ใส่เข้าไปเลยคราวนี้ ในทางกลับกัน ถ้าบทรักๆ น่ารักๆ ให้คิดถึงสิ่งดี คิดถึงฉากหนัง คิดว่ามีใครสักคนมาทำแบบให้เรา มันจะดีใจแค่ไหนอะไรประมาณนี้ ช่วยได้เยอะจ้า

icon_kuma_mini5

  หนูมีพล็อตแล้ว วางโครงเรื่องแล้ว แต่หนูขี้เกียจังเลยค่ะ /ท้อด้วย

อย่าว่าแต่นักเขียนมือใหม่เลย นักเขียนเก่าแก่ทั้งหลายก็เป็นค่ะ ไอ้ขี้เกียจเนี่ย โอ๊ยย อย่าให้พูดถึง บางครั้งตัวเมเองก็ไม่ได้ทำงาน 6-7 เดือนเพราะว่าขี้เกียจ วิธีแก้ความขี้เกียจสำหรับเมนะคะ ก็คือ…. ไม่มีเงินผ่อนบ้านจ้า 55555555 ไม่ทำก็ไม่มีเงิน ˙﹏˙ บางครั้งถึงขั้นเขียนเป้าหมายเอาไว้เลยว่า จะไปเที่ยวยุโรป!! แปะข้างคอมมันเลย พอมองข้อความพวกนี้แล้วก็รู้สึก…. โอเค ทำงานต่อนะ เพื่อเป้าหมายยยย!!! ย้ากกกกกกก

แต่สำหรับมือใหม่แล้ว มีวิธีแนะนำเหมือนกันค่ะ ตอนที่เมแต่งนิยายเล่มแรก ก็ยังไม่ได้เงินเหมือนกัน อาจจะรู้สึกว่ามันดูไร้เป้าหมายไปหน่อย แต่งไปก็ไม่มีคนอ่าน/แต่งไปก็ไม่ได้เงิน แต่ขอให้บอกตัวเองว่า เรากำลังทำตามฝันของตัวเอง แบบสักครั้งหนึ่งในชีวิตวะ!! แกรไม่อยากมีหนังสือที่ตัวเองเป็นคนเขียนเองตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้ายด้วยสมองของเราเหรอ ได้มีชื่อ/นามปากกาของเราอยู่บนปกเหรอ??

ถ้ายอมแพ้ ก็ไม่มีวันนั้นใช่มั้ยละ เพราะฉะนั้นพยายามเข้าค่ะ คนอื่นทำได้ เราก็ทำได้เหมือนกัน สองมือ สองเท้าเท่ากัน สู้ๆๆ

 

icon_kuma_mini5

เรียน/ทำงานอยู่ค่ะ ทำกิจกรรมก็เยอะ ไม่มีเวลาแต่งเลย

ทุกคนก็ยุ่งค่ะ 5555+ ทุกคนก็เรียน ทุกคนก็ต้องทำกิจกรรมเหมือนกันใช่มั้ยละ เพราะฉะนั้นจุดนี้เรียกว่าข้ออ้างมากกว่า เพราะฉะนั้นทำให้เป็นนิสัยเอาไว้ หรือตั้งเป้าหมายไว้เลยว่า เขียนวันละ 3 หน้า หนึ่งเดือนก็ 90 หน้าแล้วนะคะ!! (มาตรฐานต้นฉบับเริ่มที่ 80 หน้าเอง) แต่ถ้ายังไม่ว่างจริงๆ เช่นจะแอดมิดชั่นอะไรแบบนั้น ก็พักเรื่องนี้ไว้ก่อนได้ ขอให้มั่นใจจริงๆ ว่าเราไม่อ้างกับตัวเอง เท่านั้นก็พอจ้า


Edit 2 . . .

icon_kuma_mini5

  หนูคิดพล็อตไม่ออกเลยค่ะ ตันมากๆ /คิดไปก็ซ้ำกับคนอื่น

110137802

   ใช่… เข้าใจนะว่าการคิดพล็อตไม่ออกมันเป็นยังไง มันไม่เหมือนแต่งไม่ออก (เพราะเหนื่อย/ขี้เกียจ/ไม่รู้จะเขียนยังไง) เพราะเมื่อไม่มีพล็อตก็คือไม่มีอะไรจะเขียนเลย 555+ คือเริ่มไม่ได้แม้กระทั่งจะร่างพล็อตออกมา เรียกว่าปัญหาตั้งแต่นับเลขศูนย์เลย ปัญหานี้เองเมก็เจอเหมือนกันค่ะ (อย่าลืมว่าเราจะไม่แต่งนิยายจนกว่าจะร่างพล็อตเสร็จนะ) วิธีแก้คือการอย่าฝืน อย่าดันทุรัง ปล่อยไปก่อน ออกไปดำน้ำ ดูปะการัง ตกปลา ทำกับข้าว สิ่งเหล่านี้ทำเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจค่ะ แล้วอย่าลืมว่าเรื่องรอบๆ ตัวเรานี่ละคือวัตถุดิบชิ้นดี อย่าคิดให้เหมือนเดิมทุกวัน คิดอีกแบบ คิดให้มันสนุก คิดให้มันตลก จินตนาการคือพลังของนักเขียนนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าทำตัวเหมือนเคยๆ อาจจะเริ่มต้นแค่ลองไปไหนคนเดียว กินข้าวคนเดียว ใช้เวลามองคนนู้นคนนี้ แล้วลองคิดเป็นเรื่องเป็นราวดู ฝึกทำค่ะ ฝึกคิดอะไรใหม่ๆ ตัดคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ออกไป  เพราะคุณเขียนนิยายค่ะ ไม่ได้เขียนสารคดี 555+

ส่วนเรื่องพล็อตซ้ำกับคนอื่นๆ ถ้าพล็อตแบบดาดดื่นทั่วไป ไม่เป็นไรค่ะ เช่นพระเอกเป็นแวมไพร์อะไรเงี้ย มีเป็นร้อยเรื่องบนโลกนี้อย่าห่วง แต่ถ้าคุณเริ่มดำเนินเรื่องแบบ นางเอกย้ายไปอยู่กับพ่อ สงสัยว่าเพื่อนร่วมชั้นสุดหล่อเป็นแวมไพร์หรือเปล่า เอาล่ะ… นี่เริ่มจะเป็นทไวไลท์เวอร์ชั่นใหม่แล้ว
ทริกแนะนำคืออย่าพยายามเขียนหรือคิดพล็อตให้ไปคล้ายกับหนัง/หนังสือ ที่มีเชื่องเสียงและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเค้า อย่างเช่น อยากให้พระเอกเป็นซอมบี้ แล้วก็หลงรักนางเอกเอง….. อืม รับรองโดนหาว่าลอกวอร์มบอดี้ มาแน่นอน เห็นๆ กันอยู่ว่าเรื่องนี้เค้ามีเอกลักษณ์เด่นตรงนี้ เราจะไปดึงดันให้เหมือนเค้าทำไม เพราะฉะนั้นถ้าคิดพล็อต อย่าไปดึงเอกลักษณ์ของคนอื่นเขามาใช้เด็ดขาด

พล็อตธรรมดาไม่ใช่ว่าจะไม่สนุกนะ งานชิ้นหนึ่งของเมที่เพิ่งเสร็จไป เป็นเรื่องที่พล็อตไม่ซับซ้อนเลย เรียบมากๆ ประมาณแอบรักผู้ชายข้างบ้าน (มีเป็นพันๆ เรื่องบนโลกนี้ ) ถามว่าตัวเมเองรู้มั้ยที่พล้อตมันเกร่อขนาดนี้ แน่นอนว่ารู้อยู่แล้ว แต่งานเล่มนั้นเมมีความตั้งใจที่จะกลับสู่ความเบสิก พล็อตไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ไปเน้นความละเอียดอ่อนของความสัมพันธ์ เน้นเรื่องราววัยรุ่น / เพื่อน/ ครอบครัว  แบบนี้แทน กลายเป็นนิยายเล่มนี้เน้นในพาร์ทของอารมณ์ ความรู้สึก ความสัมพันธ์ มันจะเป็นตัวของมันเอง พล็อตธรรมดา พล็อตซ้ำชาวบ้าน แต่มันเป็นงานของเราที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเราที่ไม่เหมือนคนอื่น

icon_kuma_mini5

ผลการพิจารณาไม่ผ่าน หมดกำลังใจ กลัวแต่งต่อจะไม่สนุก/ไม่ผ่าน

110137802

  คำถามนี้ได้มาจากแฟนเพจ เป็นประเด็นที่ใหญ่เหมือนกันนะ เพราะความผิดหวังทำให้เรารู้สึกหวาดกลัวที่จะทำสิ่งนั้นๆ ซ้ำอีกครั้ง วิธีแก้คือเริ่มต้นจากการให้กำลังใจตัวเองก่อน  แล้วก็ลองอ่านความจริงที่โหดร้ายว่า ถึงจะเป็นนักเขียนที่มีผลงานอยู่แล้ว ก็ใช่ว่านิยายจะผ่านทุกเรื่อง/ทุกครั้ง บางคนก็มีโดนแก้ตรงนู้นตรงนี้ แก้ทั้งเรื่อง บางคนขั้นหนักเลยคือไม่ผ่าน 5-6 เรื่องนู้นน่ะ สรุปว่าของแบบนี้อยู่ที่ความอดทนค่ะ ใครทนได้มากก็มีสิทธิ์มากกว่า แต่ถ้าไม่ไหว จะพอแล้วก็ไม่ผิดนะ เพราะว่าการแต่งนิยาย คนที่ตัดสินว่าสนุกหรือไม่สนุก มันไม่ใช่เรา แต่เป็น บก. เป็นคนอ่าน เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาดีสาย ต้องอดทนและฝึกฝนไปเรื่อยๆ ค่ะ  ผ่านเรื่องนี้ เรื่องหน้าอาจจะไม่ผ่าน อะไรก็เกิดขึ้นได้ อยู่ที่ความอดทนเท่านั้นจริงๆ

icon_kuma_mini5

รื่องย่อ/วางพล็อต ต่างกันยังไง

110137802

เออ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ต่างเลยเนอะ  ไม่ว่าจะเขียนเรื่องย่อหรือพล็อต ล้วนแต่เป็นการสปอยล์เนื้อหาทั้งหมดทั้งสิ้น เอาเป็นว่าสองอย่างนี้จุดประสงค์ในการใช้งานต่างกันค่ะ

เรื่องย่อ = ทำให้นักวาด/ผู้จัดการละครอ่าน  (ค่อนข้างเรียบร้อย)

พล็อต = เขียนให้ตัวเองไม่ลืมเรื่อง/ดำเนินเรื่องถูกต้องไม่ออกทะเล (ค่อนข้างเละ)

icon_kuma_mini5

  คิดพล็อตไว้แล้ว แต่ไม่รู้จะดำเนินเรื่องยังไงไปให้ถึงจุดนั้น

110137802

  จุดนี้แม้แต่นักเขียนที่เขียนงานมา 7-8  ปีอย่างเม (** 15 ปีแล้วในปี 2021 แงงง) ยังว่ายากเลยค่ะ บางคิดไว้แล้วค่ะตอนนี้ต้องเป็นแบบนี้ แล้วตอนต่อไปจะเป็นยังไง แต่ทำยังไงมันถึงจะไปถึงตรงนั้นหว่า….
บางทีก็นั่งมองคอมพิวเตอร์เฉยๆ อยู่เป็นชั่วโมงก็มี (แล้วก็เล่นเน็ตไปเรื่อยเปื่อย) ส่วนใหญ่เวลาที่เมเจอปัญหานี้ก็คือพักไว้ก่อนค่ะ ออกไปพักสมองก่อนอะไรแบบนั้น จนกว่าจะคิดออกแล้วค่อยกลับมาแต่ง อยากบอกว่าปัญหานี้เป็นกันทุกคน ทางแก้ก็มีแค่ต้องคิดให้ออก 5555+ ซึ่งจะคิดให้ออกก็ต้องใช้เวลา หรือลองปรึกษาเพื่อน / คนรู้จัก อาจจะเป็นไอเดียก็ได้นะคะ แต่ถ้าไม่รู้จะปรึกษาใคร เพราะเป็นสไตล์ทำงานเดี่ยวๆ ก็พักก่อน ทำใจสบายๆ หรืออาจจะข้ามไปแต่งตอนอื่นก่อนก็ได้จ้า (แต่ระวังต่อไม่ติด)


icon_kuma_mini5

พี่เมเขียนนิยายอย่างเดียวหรือ? ไม่ทำอาชีพอื่น?

110137802

  ใช่แล้วค่ะ ทำอย่างเดียวนี่ละคือเขียนนิยาย มีนักเขียนหลายคนที่ทำแค่อาชีพเขียนเท่านั้น ยืนยันว่าอยู่ได้แน่นอนด้วยอาชีพนี้อาชีพเดียวจ้า

icon_kuma_mini5

  ไม่รู้จะเขียนคำพูดโต้ตอบของตัวละคนยังไง

110137802

  คิดเหมือนว่ากำลังพูดและสนทนาทั่วไปอยู่ค่ะ พาร์ทบทสนทนานี่ง่ายนะเมว่า (ง่ายกว่าพวกบรรยายแน่ๆ) ให้คิดเหมือนเราพูดคุยกันตามปกติ แต่มันก็มีเทคนิคขึ้นสูงไปอีกเยอะกว่าต้องมานั่งกังวลว่าตัวละครจะพูดยังไง เป็นตัวละครจะพูดยังไงให้มันเรื่องมันดูลึก ดูแยบยลขึ้น บางทีต้องพูดไม่พูด/ พูดให้นักอ่านตีความหมายเอง/ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จงอย่าปวดหัว เขียนเหมือนเวลาพูดตามปกติเลยจ้า ให้คำพูดมันเข้าปาก หรือก็คือเป็นคำที่เราใช้กันในชีวิตจริงทั่วไป ก็จะดูเป็นธรรมชาติขึ้น ถ้าพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเก่งขึ้นในการให้คำตัวละครพูดอะไร พูดอย่างไรเพื่อปูไปสู่เนื้อหาที่เราต้องการค่า


Edit 3…

icon_kuma_mini5

  พี่เมคะ ปมเรื่องของนิยายหมายความว่าไงหรอคะไม่เข้าใจอ่าค่ะ แล้วมันจำเป็นต้องมีรึป่าวคะ หรือแค่วางพล๊อต แล้วก็แต่งตามอารมณ์ของเราไปเลย ??  ช่วยบอกหน่อยน่ะคะ ขอบคุณค่ะ

110137802

  ครั้งที่แล้วลืมตอบคอมเม้นอันนี้ ขอโทษนะค้า แฮ่ๆๆ เรื่องของปม ปม ปม ปม คืออะไร จะอธิบายยังไงดีหว่า 555+ เอาเป็นว่า กาลครั้งหนึ่งนางเอกเป็นคนนิสัยประหลาด ไม่ชอบขึ้นลิทฟ์ ไม่เข้าที่แคบ พอพระเอกสืบสาวราวเรื่องไปแล้วก็พบว่านางเอกเคยถูงขังอยู่ในห้องเล็กๆ เธอก็เลยกลัวที่แคบ ไม่ขึ้นลิฟท์ อะไรแบบนี้ล่ะ นี่แหล่ะค่ะคือปม 

ส่วนปมจะมีหรือไม่ก็ได้ แต่ปมก็จะทำให้เรื่องซับซ้อนขึ้น ปมจะทำให้ตัวละครดูมีมิติขึ้น ไม่ใช่แบบเฮฮา ปาร์ตี้ ชีวิตมีความสุขตลอดเวลาและสมจริงมากขึ้น คนมีปมเพราะเคยจนมาก่อน พอมีเงินก็ใช้ไม่บันยะบันยัง พอเขียนแบบนี้แล้วจะรู้สึกว่าตัวละครนี้มีชีวิตจริงๆ นะ  สรุปว่ามีก็ดี ไม่มีก็ไม่แย่  แต่เขียนให้มีปมแล้วก็เอาปมนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่เขียนให้มันมีไปงั้นๆ อ่ะ เพราะอยากมีปมกับเค้า  (พิมพ์คำว่าปมมากจนจะงงเองแล้ว แงง)

ปมอีกแบบก็คือ ปมของพล็อต อันนี้เข้าขั้นมืออาชีพแล้ว คือการผูกปมของนิยายเข้าไว้ด้วยกัน เอาเรื่องนี้ไปผูกกับเรื่องนั้น เอาเหตุการณ์นั้นไปผูกกับเหตุการณ์นู้น (นึกภาพเชือกหลายๆ เส้นมันพันกันยุงเหยิง) นี่ก็คือ ปม เหมือนกัน พูดให้ง่ายก็คือ โยงเรื่องเข้าหากันนั่นล่ะค่ะ ถ้าทำได้ก็ถือว่าเก่งมาก ยิ่งโยงกันผูกกันเยอะก็ยิ่งเก่งมาก ….. แต่ต้องคลายมันออกได้ด้วยนะ

icon_kuma_mini5

  อยากเห็นหน้าตาสมุดจดของนักเขียนหน่อยค๊าา

จัดปายยยย….

notebook

หน้าตาแบบนี้ค่ะ เรียบๆๆ สีชมพู เป็นปกหนังนะคะเพราะว่าต้องหอบหิ้วไปทำงานด้วยบ่อยๆ ถ้าใช้เป็นสมุดปกผ้าน่ารักกุ๊กกิ๊ก…. ดำเป็นขี้กะปิแน่นอน หรือพลาสติกก็ไม่น่าใช้ เพราะมันดำเลอะเทอะได้ เวลาถูกับโต๊ะกับอะไรนานๆ

ของเก่าที่หายไปเป็นกระดาษแข็งเคลื่อบพลาสติกข้างบน ผลปรากฏว่าเละค่ะ!  เละแบบว่าอยากเปลี่ยนเลยแต่เปลี่ยนไม่ได้ เพราะเขียนอะไรไว้เยอะแล้ว ไม่อยากทิ้ง แต่บังเอิญว่ามันหาย!!  เสียดายข้อมูลในเล่มเก่าจริงๆ  คราวนี้ถอยมาใหม่ ขนาดใหญ่กว่าซัมซุงโน๊ต 2 ค่ะ เหมาะมือดี

ภาพใหญ่สุดจะเห็นว่าเวลาเมเขียนถึงตรงไหนแล้วจะฆ่าทิ้งไป ช่วยได้มากเลยจุดนี้ รู้ว่าเราไปได้ถึงไหนแล้ว

สำหรับเมแล้วถ้าจะให้แนะนำสมุดจดพล็อตสักเล่ม อยากให้เลือกดีหน่อย เพราะเวลาเห็นมันแล้วจะได้อยากเขียน อยากจดนู่นนี่ลงไป  อีกอย่างซื้อดีหน่อยเพราะว่าเล่มเดียวใช้นานมากกกกกกก อันนี้ไม่ควรประหยัดแล้วก็ขอแนะทริกให้ดังนี้

  1. ปกควรจะเป็น (ไล่ตามคุณภาพ) หนัง/พลาสติก/ผ้า/กระดาษแข็ง/กระดาษธรรมดา
  2. ไม่มีเส้น สำคัญมากนะ เวลาเห็นเขียนจะรู้สึกเหมือนถูกบังคับ ให้หาสมุดไม่มีเส้น จะได้เขียนอิสระ จะเบี้ยวบ้าง เอียงบ้าง ไม่เป็นไรค่ะ เก๋ดีออก
  3. ลองกางสมุดออกก่อนว่าเวลาเขียนหน้าคู่ เขียนได้ง่ายป่าว ถ้าเขียนได้แค่คร่งหนึ่งแล้วติดอะไรเงี้ย อย่าไปซื้อ จดไม่มันนนน

ประมาณนี้ล่ะ สุดท้ายแล้วจะเขียนในสมุดจดหวยหรือหนังสือเรียนอะไรก็ตามแต่ ขอให้วางพล็อตก่อนเขียนก็พอจ้าาา



Edit 4…

icon_kuma_mini5

ต้องกำหนดหน้ากระดาษก่อนมั้ยคะ มันดูโหวงๆ 

  นี่คือคำถามของมือใหม่มากๆ เลยนะเนี่ย เพราะว่าถ้านักเขียนเก่าๆ นี่ ทุกคนจะต้องจัดหน้าก่อนเขียนแน่นอนเพราะว่า…. จะได้จำนวนหน้ามากๆ จะได้รู้สึกเหมือนเขียนได้เยอะแล้ว 55555 เอาเป็นว่าเปิดเวิร์ดมา มันจัดหน้าไว้ยังไงก็เขียนไปแบบนั้นเลย (มาตรฐานทั่วไปของเวิร์ดใกล้เคียงกับมาตรฐานต้นฉบับอยู่แล้วจ้า) ใช้ฟร้อนท์ Cordia New ขนาด 14 แค่นั้นก็พอ   ที่มันดูโหวงๆ เหมือนเว้นที่ไว้เยอะๆ ก็เผื่อเวลาหนังสือเวลาเย็บข้างไงจ้า ถ้าไม่เว้นเอาไว้เยอะหน่อย เวลาเข้าเล่มแล้วมันจะอ่านลำบากน้า

icon_kuma_mini5

 
 แต่งแล้ว รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเลย ควรหยุดก่อนมั้ย หรือแต่งต่อไปแล้วค่อยมาแก้ทีหลัง


  ถ้ารู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลแล้ว ห้ามแต่งต่อค่ะ เพราะเวลาแก้… อาจจะหมายถึงต้องแก้ทั้งเรื่องเลยนะ  จริงๆ แล้วอยากให้ย้อนไปตั้งแต่ตอนร่างพล็อตเลยค่ะ อยากให้คิดว่ามันชัวร์แน่ๆ แล้ว ลำดับไม่ผิดพลาด ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้วค่อยลงมือแต่ง ไม่ต้องรีบจ้า เพราะว่าถ้างานมันออกมาไม่ดี หรือมีจุดที่ต้องแก้ไข้ มันจะเสียเวลามากกว่าการรอให้แน่ใจแล้วค่อยทำอีกนะ พยายามวางพล็อตให้รอบคอบ อ่านให้ถี่ถ้วน ตอบให้ได้ทุกคำถามว่าเขียนตรงนี้เพื่ออะไร เขียนไปทำไม ประมาณนี้ล่ะ

สมจริงสมจังในที่นี่… ไม่เกี่ยวกับว่าความโอเว่อร์หรือความบังเอิ๊ญ บังเอิญ อะไรแบบนี้นะคะ ยกตัวอย่างเช่น เจอพระเอกบนรถเมล์ ทะเลาะกัน / วันต่อมาก็เจออีก ทะเลาะกันอีก / ไปโรงเรียนอยู่ห้องเดียวกันอีก อะไรเงี้ย… อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา โอเคมันอาจจะดูเหมือนน้ำเน่า งี่เง่า เดาพล็อตได้ ใครจะมาเจอกันได้ทุกวี่ทุกวัน บังเอิญอะไรขนาดนั้น แต่นี้มันคือนิยายนี่นา 555 อีกอย่าง พอเราแต่งนิยายบ่อยๆ เข้า การวางเรื่องของเราก็จะซับซ้อนขึ้น การบังเอิญทื่อๆ แบบนี้ก็จะน้อยลง ประสบการณ์จะสอนเราไปเรื่อยๆ ยิ่งเขียนเยอะก็ยิ่งมีชั้นเชิงขึ้นค่ะ

icon_kuma_mini5

 
ตอนเริ่มไม่รู้จะแต่งยังไงดี / แต่งอยู่แล้วปิ๊งไอเดีย ไม่รู้จะแทรกตรงไหน

  อันนี้เข้าใจนะ เพราะทุกครั้งที่ต้องเริ่มเปิดนิยายเรื่องใหม่ ต้องเห็นมันตั้งแต่หน้าที่ 1….. โอย แสนจะเบื่อ แสนจะเซ็ง แต่พยายามตั้งใจเข้าไว้ค่ะ (นึกถึงความฝันของเราไว้!) การเปิดเรื่องอาจจะเริ่มด้วยการปูพื้นปูมหลังอะไรพวกนี้แหละ ส่วนใหญ่เมก็จะเริ่มแบบนี้เหมือนกัน เพราะเวลาที่เรื่องกำลังลื่น เมจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลามานั่งอธิบายอะไรแบบนี้อีก บางทีดีเทลเล็กๆ ก็อาจจะเป็นจุดสำคัญให้เรื่องได้นะคะ ลองดูนะ

ส่วนปิ๊งไอเดีย ไม่รู้จะแทรกตรงไหน….
อยากจะบอกว่าเมก็เป็นค่ะ 55555 แต่ว่าเมจะนิสัยไม่ดีค่ะ เมจะจดเอาไว้แล้วเก็บไปใส่เรื่องอื่นแทน แงงง มันก็เหมือนเราดูหนัง ฟังเพลงแล้วปิ๊งไอเดียดีๆ นั่นล่ะ พอเขียนนิยายไป เราอาจจะมีความคิดใหม่ๆ ก็เป็นไปได้ จุดนี้ขอแนะนำว่าถ้าหาตอนลงได้ สมเหตุสมผลก็ใส่ลงไปเลยจ้า แต่ถ้าไม่มีที่ลง เมว่าอย่าดันทุรังดีกว่า เพราะว่ามันจะทำให้เรื่องเราเสียรูปไปหมดได้นะ อาจจะกลายเป็นต้องมานั่งแก้แล้วแก้อีก

คือเมจะให้ความสำคัญกับการวางพล็อตและพยายามดำเนินเรื่องตามนั้นให้มากที่สุด เพราะเมเขียนนิยายหนึ่งเรื่อง ต้องไปให้ถึงตอนจบค่ะ T___T คือมันเป็นงานไปแล้ว เมจะมาทำค้างๆ คาๆ แล้วไปทำอย่างอื่นไม่ได้อ่ะนะ ฉะนั้นจะค่อนข้างมีวินัย แล้วก็ทำตามสเต็ปที่คิดเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (แต่บางทีก็ไม่เหมือนกับที่คิดไว้ มันบังคับไม่ได้ แต่ก็จะพยายามหาจุดร่วมให้เหมือนกับเคยที่นึกไว้ให้มากที่สุด) ส่วนไอเดียใหม่ๆ ที่ปิ๊งระหว่างเขียนจะเก็บเอาไว้ใช้กับเรื่องหน้าจ้า แต่ถ้ามีที่ลง…ก็ค่อยใส่ลงไป

เอาละ! คิดว่าน่าจะตอบเกือบจะครอบคลุมที่สงสัยกันแล้วนะคะ ใครมีอะไรก็ทิ้งคำถามเอาไว้ได้ (ขอเป็นคำถามที่ยังไม่มีตอบในนี้น้า) ไม่รู้ว่าเขียนมาเยอะแยะขนาดนี้จะมีคนอ่านมาถึงบรรทัดนี้หรือเปล่า แต่เมเชื่อว่าคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ แปลว่าคุณมีความพยายามและใจรักที่จะเป็นนักเขียนจริงๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นพยายามเข้าน้า ทุกคนเริ่มจากศูนย์ด้วยกันทั้งนั้น อย่างที่บอกว่า สองมือ สองเท้าเท่ากัน ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้จะต้องเป็นของเราแน่ๆ

อ่านจบแล้ว ขอ 1 คอมเม้นท์เป็นค่าถ่ายทอดวิชาซะดีๆ  ขอให้ทุกคนที่เม้นท์ประสบความสำเร็จในการเขียนนะคะ
สุดท้ายนี้ใครยังมีอะไรสงสัยก็ทิ้งคำถามไว้ด้านล่างได้เลยจ้า เมจะแวะเข้ามาตอบให้นะ 。◕‿◕。

64 Comments

  • chewng

    26/06/2014 at 12:10

    ก่อนอ่านเราก็ย้อนมาดูของตัวเอง เรื่องการวางพล็อต มันตรงตามทีพี่เมบอกนะ แบบวางพล็อตนแต่ละตอนไว้ แต่ถึงเวลาจึงมันเขียนออกมาไม่ได้? เหมือนมันยังสั้นไปติดๆขัดๆบอกไม่ถูก อย่างที่พี่บอก ฉากเช่น ไปออส/เจอดอมเล่นเกมกับเพื่อน ถึงเวลาจริง แต่ไม่ออกเลย ติดปัญหาตรงนี้ทุกที แบบจะเริ่มยังไงนะ ฉากนี้แค่นี้ สั้นไปไหม?

    ตอบกลับ
    • tanzmay

      28/06/2014 at 21:07

      เข้าใจนะ มาเป็นจุดเชื่อมระหว่างฉาก ที่เขียนไม่ออกเพราะไม่มีไอเดีย ต้องหมั่นอ่านมากๆ พบเจอเหตุการณ์อะไรก็จดไว้ ของแบบนี้ต้องใช้ความเชี่ยวชาญค่ะ

      ตอบกลับ
  • Z A V I J A V A

    26/06/2014 at 15:24

    ปกติวางพล็อตกี่เรื่องๆ จะใชเป็น Mind-Mapping ตลอดเลยค่ะ
    (อ่านเองเข้าใจอยู่คนเดียว=..=)
    พอเจอพวกโครงการประกวด นักเขียนหน้าใส
    ให้เขียนเรื่องย่อส่งนี่ถึงกับไปไม่เป็นTvT
    เป็นประโยชน์มากเลยข่าา ขิง มันฝรั่ง แห้ว (แป๊ก)
    ขอบคุณนะคะ ซักวันจะเป็นนักเขียนร่วม สนพ.เดียวกับพี่ให้ได้ >w<~

    ตอบกลับ
  • Giizgick'k

    28/06/2014 at 14:05

    ควรใช้คำพูดยังไงให้เข้ากับเรื่อง กับเหตุการณ์อ่ะค้ะ?
    คำพูดที่แทรกไปในเรื่องต้องให้ความสำคัญขนาดไหน?
    จะไปไหวไหมเนี่ยยย??? ฮ่าาๆๆ

    ตอบกลับ
    • tanzmay

      28/06/2014 at 21:11

      คำถามพวกนี้อาศัยความเชี่ยวชาญในการเขียนนะ / เวลาคิดบทโต้ตอบ คิดให้เหมือนธรรมชา่ติ คิดว่ามันเกิดขึ้นกับเราสิ แล้วก็โต้ตอบตามที่เราคิดไปเลย ส่วนคำพูดแทรก… คือ 555+ มันต้องให้ความสำคัญด้วยเหรอ คือของอย่างนี้มันอยู่ที่ว่าเราจะเขียนให้ออกมาแบบไหน พูดแทรกเพื่อดึงประเด็นกลับ พูดแทรกเพื่อโจมตีประเด็น เป็นต้น ของแบบนี้สอนไมไ่ด้แฮะ ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง เป็นสไตล์การเขียนของตัวเองค่ะ

      ตอบกลับ
    • sasiwimon

      18/04/2021 at 22:13

      ขอบคุณสำหรับทริคดีๆนะคะพี่เม จะลองเอามาปรับใช้ให้มากที่สุด

      ตอบกลับ
  • pfshbl

    28/06/2014 at 15:49

    ขอบคุณพี่เมย์มากเลยนะคะ อ่านจนจบเลย ได้อะไรเยอะแยะมว้ากกกกกกกกกกกกก นขนส.ปีนี้ส่งแน่ๆเพราะพี่เป็นกรรมการ #ผิด เพราะอยากเป็นนักเขียนต่างหาก 55555 จะเอาสิ่งที่พี่แนะนำมาไปปรับใช้ขอบคุณที่เขียนtoppicนี้ขึ้นมานะคะ ^^

    ตอบกลับ
  • หญิงสาว น่ารัก แต่ นิรนาม

    12/07/2014 at 11:02

    พี่เมย์คะ อยากจะถามว่าถ้าให้พระเอกกับนางเอกเจอกันตอนที่สองมันจะช้าไปมั้ยคะ ขอบคุณค่ะ // มีประโยชน์มากเลยค่ะ ตอนนี้หนูนำไปประยุกต์อยู่! >.<!

    ตอบกลับ
  • iKob (@mr_super12)

    20/07/2014 at 04:48

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะคะพี่เมย์ ^^ อ่านแล้วรู้สึกตัวเองมีกำลังใจในการแต่งมากขึ้นเยอะเลย เข้าใจกระบวนการเขียนมากขึ้น พี่เมย์เขียนรู้เรื่องและเข้าใจมาก ต่อไปคงต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้นเพื่อให้เวลาลงมือเขียนจริงๆจะได้ราบรื่น ไม่สะดุด หรือหยุดคิดคำ ขอบคุณพี่เมย์มากๆนะคะ ^—^

    ตอบกลับ
  • Ret Rot

    25/09/2014 at 15:12

    เย่ พี่เมย์ทำบล็อคแล้วววว หนูชอบการเขียนของพี่มากนะคะ คือหนูเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบนางเอกที่ทำตัวเป็นนางเอก(เอ๊ะ?)เกินไปนะค่ะ แล้วตัวละครแต่ละตัวเป็นเอกลักษณ์มากค่ะ หนังสือพี่เมย์ก็มีครบทุกเล่มเลยค่ะ(เล่มเก่าๆอย่างอธิษฐานรักดวงดาวหรือรักต่างวัยหัวใจข้ามรั้วก็มี) ฮ่าๆ จะติดตามต่อไปนะคะ ถ้าเวลาพี่ท้อ อย่าลืมนะคะ ว่าตรงมุมๆหนึ่งมีคนๆหนึ่งให้กำลังใจพี่เสมอนะคะ 😀

    ตอบกลับ
    • may112

      03/10/2014 at 22:33

      แงงงงงงง เค้าซึ้งง่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ นักอ่านของเมน่ารักที่สุดในโลกเลย ^O^

      ตอบกลับ
  • เด็กที่ปลื้มพี่เม

    02/10/2014 at 04:53

    พี่เมคะ คือหนูเคยส่งเมลไปถามพี่เรื่องนี้แล้วแต่พี่ไม่ตอบง่ะ คือเรื่องมีอยู่ว่า ความสมจริง ความสมจริงที่ว่าหมายถึงหนูเคยเขียนเรื่องที่เพลย์บอยชอบผู้หญิงธรรมดา แล้วมีคนบอกไม่สมจริง? บางทีหนูก็งงอ่ะ คือนิยายประเภทนี้ของแจ่มใสเยอะมากก อย่างพี่แตมป์ อะไรเงี้ย คือทำไงให้มันสมจริงอ่ะคะ อีกๆ เขาบอกว่ามาตรฐานแจ่มใสโหดมาก ถ้าไม่ดีจริงไม่รับ จริงเหรอคะ บางผลงานของนักเขียนหนูมองว่าเรายังแต่งดีกว่าเลย ทำไงให้สำนวนมันไหลปรื๊ดๆงดงาม อลังการคะ
    ปล.ขอเบื้องหลัง uk – boy. ด้วยนะเออ
    ปล.2 แต่งหนุ่มยุ่นเร็วๆนะคะ รีเควสต์ว่าให้นางเอกขี้เหร่แบบไม่ใช่เซ็ตอักกลี่ดักกิ้ง ขี้เหร่จริงๆอ่ะค่ะ

    ตอบกลับ
    • may112

      03/10/2014 at 22:37

      สมจริงในที่นี้อาจจะหมายถึง เพลย์บอยคนนั้นทำไมถึงได้มาชอบนางเอกธรรมดาๆ ได้ อาจจะยังมีเหตุผลไม่หนักแน่นพอให้คนอ่านเชื่อค่ะว่าหนุ่มเจ้าเสน่ห์สุดฮอต ทำไมถึงมาหลงรักนางเอกของเราได้
      ส่วนมตารฐานแจ่มใสก็ถือว่าโหดอยู่เหมือนกันน้า ส่วนผลงานที่น้องอ่านแล้วรู้สึกว่ายังไม่ใช่ อาจจะเป็นไปได้ว่าไม่ใช่แนวที่น้องชอบก็ได้เนอะ คนเรามีรสนิยมไม่เหมือนกัน ถ้าให้พี่มานั่งอ่านนิยายผีๆ สางๆ พี่ก็คงบอกว่าไม่สนุกเหมือนกันอ่ะจ้า U_U
      ส่วนเรื่องการเขียนพี่แนะนำว่าให้อ่านบ่อยๆ สำนวนก็คือความสามารถในการบรรยายของเรา การใช้คำให้เหมาะสม เก่งขึ้นก็จะมีลูกเล่นของคำ
      เบื้องหลังยูเคจะมาแน่นอนจ้า รอติดตามน้า

      ตอบกลับ
  • Pang

    03/10/2014 at 04:36

    ละเอียดมากเลยค่ะ ค่อยๆ อธิบายทีละขั้นตอนทำให้เข้าใจง่ายขึ้น
    ขอบคุณมากนะคะ ^^

    ตอบกลับ
  • Keng Chanissara

    07/10/2014 at 17:50

    จริงๆหนูไม่ได้ตั้งใจจะแต่งนิยายเลยค่ะพี่เม แต่ดันเป็นงานของทางสายฝรั่งเศสที่ต้องมีละครเวทีทุกปี ปีนี้เป็นปีแรกที่ใช้การแต่งขึ้นใหม่แทนเอาเรื่องเก่าๆมาเล่นซ้ำ(พวกโรเมโอลูเลียต แฟนท่อม บิ้วตี้แอนด์เดอะบีสต์ ไรงี้อ่ะค่ะ)แล้วหนูดันไปเสนอไอเดียที่คิดได้ ณ ตอนนั้นให้อาจารย์ประจำสายฟัง โจทย์ที่พี่มหาลัยเค้าอยากได้ ประมาณว่าสายเรามีเอกลักษณ์ยังไงทำไงให้คนรู้ว่านิยายเรื่องนี้สื่อถึงพวกเรา เกือบจะเป็นพล็อตเลยพี่เม แค่ไม่มีตอนจบ5555 จารย์เลยให้หนูเขียนบทละคร หนูเลยตัดสินใจจะเขียนแบบนิยายก่อน แล้วค่อยทำออกมาเป็นบทละครแบบลงรายละเอียดชัดๆอีกที นี่ที่พอมีพล็อตอยู่ในหัวก็ร่างๆไว้ในเอสี่ แต่มันไม่จบเรื่องอ่ะ ไม่เปิดหาวิธีการแต่งด้วย กะไปด้นสดอย่างเดียว นี่นั่งแก้ๆลบๆไปเยอะ เมื่อกี้ไล่ลบที่ออกทะเลไปประมาณสองหน้าได้ แล้วก็หยุดแต่ง เปิดหาแนวทางการเขียนนิยายว่าเค้าเริ่มไงกัน ก็มาเจอบล็อกนี้ มาเจอเอาตอนที่ลงมือเขียนไปแล้วโดยที่พล็อตยังไม่ได้ลงจบ นั่งไล่อ่านบทความพี่ยันจบ รู้สึกพลาดมาก น่าจะวางพล็อตให้จบอย่างที่พี่บอกก่อน เสียเวลามากTT บทก็ต้องรีบส่ง ไม่งั้นจะซ้อมไม่ทัน หัวตื้อไปหมด นี่กำลังลังเลว่าจะเริ่มใหม่ตั้งแต่เขียนพล็อตเลยดีรึเปล่า55555
    สุดท้าย ขอบคุณพี่เม ที่เขียนบทความนี้ขึ้นมา ขอบคุณที่เผยเคล็ดลับทั้งหมดให้ ตอนแรกหนูก็ไม่รู้จะกดอ่านอันไหน เด้งขึ้นมาเต็มไปหมด แต่พอเจอ May112 เท่านั้นแหละคลิกเยยยยยย

    ตอบกลับ
  • ฟาง

    14/11/2014 at 20:19

    สุดยอดเลยคะอ่านแล้วก้อขำคะจะเริ่มจากการวางพล๊อตก่อนจะวางก้อจะไปเริ่มพิมตอบเพื่อนโดยใช้ภาษาให้ถูกต้องเราจะได้ชินมือไม่เผลอคะ จะเอาที่พี่สอนทุกบรรทัดไปใช้คะขอบคุณนะคะ

    ตอบกลับ
  • field field

    23/02/2015 at 17:58

    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ตอนแรกหนูก็ค่อนข้างกังวลคะ เพราะหนูเป็นคนชอบอ่านนิยาย เลยอยากลองแต่งนิยายดูบ้าง แต่ไม่รุ้ว่าจะทำยังไง ตอนนี้หนูเข้าใจแล้วคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

    ตอบกลับ
  • field field

    23/02/2015 at 17:58

    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ตอนแรกหนูก็ค่อนข้างกังวลคะ เพราะหนูเป็นคนชอบอ่านนิยาย เลยอยากลองแต่งนิยายดูบ้าง แต่ไม่รุ้ว่าจะทำยังไง ตอนนี้หนูเข้าใจแล้วคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

    ตอบกลับ
  • field field

    23/02/2015 at 17:58

    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ตอนแรกหนูก็ค่อนข้างกังวลคะ เพราะหนูเป็นคนชอบอ่านนิยาย เลยอยากลองแต่งนิยายดูบ้าง แต่ไม่รุ้ว่าจะทำยังไง ตอนนี้หนูเข้าใจแล้วคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

    ตอบกลับ
  • field field

    23/02/2015 at 17:58

    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ตอนแรกหนูก็ค่อนข้างกังวลคะ เพราะหนูเป็นคนชอบอ่านนิยาย เลยอยากลองแต่งนิยายดูบ้าง แต่ไม่รุ้ว่าจะทำยังไง ตอนนี้หนูเข้าใจแล้วคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

    ตอบกลับ
  • Pangket

    15/03/2015 at 21:07

    ขอบคุณมากค่ะ พี่เมเขียนนิยายสนุกมากๆ บรรยายน่ารัก ติดตามเสมอค่ะ อิอิ >O<

    ตอบกลับ
  • Summer

    12/01/2016 at 13:02

    ขอบคุณสำหรับการเขียนอันทีค่าของพี่เมย์มากเลยนะคะ ทำให้เรารู้ว่าต้องเริ่มตรงไหนก่อนดี จะติดตามงานเขียนชิ้นต่อๆไปของพี่เมย์นะคะ ของคุณค่ะ

    ตอบกลับ
  • เสือสมิงยิ้มได้

    11/02/2016 at 16:20

    ขอบคุณพี่เมมากค่ะ อ่านแล้วมีไฟอยากกลับไปเขียนงานตัวเองต่อให้จบเลย~

    ตอบกลับ
  • นานา

    23/04/2016 at 20:16

    บทความดีมากค่ะ
    คิดฝันมานานอยากเป็นนักเขียน อ่านแล้วจะเริ่มลงมือตอนนี้เลยค่ะ
    สู้ๆๆ สองมือ สองเท้า เราต้องทำได้ค่ะ

    ตอบกลับ
  • กิ่งไผ่

    13/05/2016 at 00:32

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ นะคะ พอดีว่ากำลังสำรวจความนิยมของคอนิยายอยู่ว่าส่วนใหญ่แล้วชอบแนวไหน เพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจน่าเบื่อ และเกร่อแผงจนเกินไป ก็มีหลายพล็อตที่คิดๆ ไว้ในหัวแต่ยังไม่มีเวลาลงมือทำซักที คิดว่าคงอีกไม่นานก็จะมีผลงานออกมาให้ได้ติดตามกันค่ะ

    ตอบกลับ
  • K

    18/05/2016 at 15:50

    ขอบคุณพี่เมมากๆเลยค่ะ ทุกคำตอบของพี่เมมีประโยชน์กับนักเขียนหัดเดินคนนี้จริงๆค่ะ
    จะนำไปปฏิบัติใช้นะค่ะ เพื่อความฝันของหนู

    ตอบกลับ
  • มีหัวใจ

    15/07/2016 at 18:47

    ขอสอบถามเพิ่มเติมนะคะ
    -คิดว่าตัวละครแบบไหนที่เขียนยากที่สุด?
    -มีวิธีเขียนถึงตัวละครหรือสถานที่เราไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยอย่างไรบ้าง?(เช่นบ้านคนรวยมากระดับเจ้าของโรงแรมอะไร
    -มีเทคนิคในการหาข้อมูล ความรู้เพิ่มเติมอย่างไร
    ปล.ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ

    ตอบกลับ
  • มาย

    14/09/2016 at 09:37

    พี่เมย์ค่ะแล้วการเขียนพล็อตเรื่องนี่ต้องละเอียดถึงขั้นบทสนทนา สถานที่ อารมณ์
    เหตุการ เหมือนนิยายที่เขียนโดยสมบูรณ์แล้วรึเปล่าค่ะหรือคร่าวๆ

    ตอบกลับ
  • mee me

    07/10/2016 at 10:42

    ขอบคุณมากๆค่ะ อ่านแล้วมีแรงสู้ขึ้นเยอะเลย รู้สึกอยากจะทำให้ได้อย่างนั้นบ้าง โฮ้ยยยย….พลังงานนี้ จงอยู่กับข้าไปนานๆ

    ตอบกลับ
  • -พันตอง-

    09/10/2016 at 08:51

    ขอบคุณนะค่ะมีประโยชน์มากๆเลย ตอนนี้กำลังเขียนนิยายอยู่ สิ่งเดียวที่รู้ในการที่เริ่มมาเขียนไม่ว่าจะเวลาไหนคือ อดทน จริงๆค่ะ ^ ^

    ตอบกลับ
  • Ton

    12/10/2016 at 18:54

    ขอบคุณพี่เมมากๆนะครับ มีประโยชน์มากๆเลย
    เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะวางพล็อต เลี่ยงได้เลี่ยงด้วยซ้ำ5555
    แต่พอมาเจอบทความของพี่เมแล้วลองหันกลับไปดูตัวเองถึงพึ่งรู้ว่าออกทะเลไปไกลมาก ขอบคุณพี่เม กับบทความดีๆแบบนี้นะค้าบ

    ตอบกลับ
  • ฝน

    20/10/2016 at 11:45

    ตอนนี้กำลังแต่งนิยายเรื่องใหม่อยู่ค่ะ คือหนูเป็นคนที่ชอบดองม้ากกกก ในเด็กดีนี่หลายเรื่อง แต่ตอนนี้กำลังแต่งเรื่องใหม่ (ตอนนี้อยู่กับเพื่อนค่ะในสมุด) แต่งไปประมาณ 2-3 บท แล้วให้เพื่อนลองอ่านดูเพื่อนทุกคนบอกว่าสนุกค่ะ แต่ว่า หนูไม่ได้เขียนพล็อตและกำลังจะออกทะเลด้วยค่ะ T^T พอได้มาอ่านแล้ว ช่วยได้เยอะค่ะ รื้อสมุดที่บ้านเลยค่ะ เยอะมาก 555
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ นะคะ

    ตอบกลับ
  • เบญ

    22/10/2016 at 19:57

    โอโห เยี่ยมมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ หนูอ่านนิยายของพี่มาหลายเล่มแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้คำแนะนำดีๆ หนูจะพยายามค่ะ

    ตอบกลับ
    • NAMAUN

      28/10/2016 at 23:09

      อืม…พี่เมค่ะเวลาแต่งลงเว็บเด็กดี แล้วก็ลงเล่มอะค่ะ เราควรใช้ฟร้อนท์ Cordia New ขนาด 18 หรือ มากกว่า 18 ค่ะ แล้วก็ถ้าเกิดเตรียมพล็อตไว้เรียบร้อยแล้วอะค่ะแต่ตอนแต่งบรรยายไปบรรยายมาตรงคำบรรยายบ้างจุดมันตันแบบอธิบายไม่ถูกทำไงอะค่ะ

      ตอบกลับ
  • Prang

    17/03/2017 at 18:12

    ได้ความรู้เยอะเลยค่ะหนูแต่งค่ะแต่งหาแนวตัวเองไม่เจอสักทีเลยTT

    ตอบกลับ
  • FuseNy

    27/03/2017 at 19:19

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ กำลังจะลองแต่งแต่ยังไม่มีประสบกาณร์เลย…

    ตอบกลับ
  • Smile

    06/05/2017 at 15:33

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆแบบนี้นะคะพี่เมย์ มายเชื่อว่าใครหลายๆคนมีกำลังใจมากขึ้นแน่นอนค่ะหลังจากที่ได้อ่าน ไอ้ความรู้สึกที่อยากลองเขียนแต่ไม่มั่นใจในตัวเอง จะเริ่มหายไปและมีไฟมากขึ้นแน่นอนค่ะ พี่เมย์เก่งมากค่ะที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละครได้ดีเยี่ยมทำให้ผู้อ่านเชื่อว่าตัวละครรู้สึกนึกคิดแบบนั้นจริงๆ สุดยอดมากค่ะ การที่พี่เมย์ถ่ายทอดความรู้นี้สู่นักอ่านที่อยากจะเป็นนักเขียนถือเป็นเรื่องดีนะคะ เป็นประโยชน์มากค่ะ สุดท้ายนี้ เป็นกำลังใจให้พี่เมย์พัฒนาผลงานตนเองต่อๆไปให้เราๆได้ชื่นชมผลงานอีกนะคะ

    ตอบกลับ
  • Vorrathon

    11/06/2017 at 00:06

    ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ ที่พี่เเนะนำมา ผมจะพยายามเต็มที่ กำลัง
    เริ่มหาความฝันของตัวเองครับ ^^

    ตอบกลับ
  • ธัญพิมล

    16/07/2017 at 20:16

    ต้องเอาคำพูดความและคิดของตัวละครมาผสมกับการบรรยายจะทำไงให้เชื่อมกันอ่ะ อยากให้ยกตัวอย่างให้หน่อยอ่ะค่ะ

    ตอบกลับ
  • Anchalika

    23/07/2017 at 15:37

    อยากถามว่า ตรงที่พี่เมย์ร่างพล็อตให้ดูตั้งแต่Chapter1-3 แล้วก็ข้ามไป16เลย คือพี่เมย์ไม่ได้วางพล็อตทุกChapterหรอคะ?

    ตอบกลับ
  • Chompoo

    13/09/2017 at 09:45

    ขอบคุณมากนะคะสำหรับความรู้ดีๆมีประโยชน์จะพยายามนำไปใช้นะคะ

    ตอบกลับ
  • gesanee

    06/12/2017 at 18:54

    รักพี่เมย์เลยค่ะ ซาบซึ้งใจจริงๆ หนูกำลังหดหู่และท้อมากเลยค่ะ แต่พออ่านวิธีและคำแนะนำของพี่แล้วหนูฮึกเหิมขึ้นมาทันที พี่เมย์มาเป็นไอดอลของหนูเถอะค่าาาา

    ตอบกลับ
  • Rosiejeally

    05/01/2020 at 21:36

    อ่านจนจบเลยนะคะ รู้สึกมีกำลังใจ และ เป็นกันเองสุดๆค่ะ เราจะนำสิ่งที่พี่เมย์บอกไปประยุกต์ใช้ให้มากที่สุดค่ะ~ สักวันหนึ่งหนูต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งๆ พอที่จะเป็นนักเขียนแจ่มใสให้ได้ค่ะ~

    ตอบกลับ
  • Narissara

    16/06/2020 at 18:11

    ขอบคุณมากๆนะคะ ได้ทั้งความรู้และแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายเพิ่มมากขึ้นเลยค่ะ

    ตอบกลับ

ส่งความเห็นที่ Giizgick'k ยกเลิกการตอบ


3 − 1 =